ปั๊มลม นับเป็นสินค้าที่ไม่ได้เป็นที่รู้จักกันทั่วไป เพราะส่วนใหญ่จะนำไปใช้กับอุตสาหกรรมต่างๆ เสียมากกว่า ดังนั้น บทความรู้เราเลยจะพาเพื่อนๆ ทุกคนไปทำความรู้จักกับปั๊มลมกัน ว่าปั๊มลมนั้นมีกี่ประเภท และแต่ละประเภทเหมาะกับการใช้งานในรูปไหน หรือธุรกิจและอุตสาหกรรมใด
ทำความรู้จักกับปั๊มลม และการใช้งานของแต่ละประเภท
- ปั๊มลมประเภทที่ 1 คือ ประเภทลูกสูบ (PISTON COMPRESSOR) ปั๊มลมประเภทนี้เป็นประเภทที่ได้รับความนิยมในการใช้งานมากที่สุด ด้วยการใช้งานตอบโจทย์หลายๆ ด้าน และมีราคาไม่สูงเกินไป สามารถสร้างแรงดันลมได้ตั้งแต่ 1 bar จนถึง 1,000 bar เลย ปั๊มลมประเภทนี้ส่วนใหญ่จะพบตามอู่ซ่อมรถ ร้านยางรถยนต์ต่างๆ เป็นต้น
- ปั๊มลมประเภทที่ 2 คือ ประเภทไดอะเฟรม ( DIAPHARGM COMPRESSOR ) ปั๊มลมประเภทนี้จะมีหลักการของปั๊มลมแบบลูกสูบ โดยจะใช้ไดอะเฟรมเป็นตัวทำให้ลูกสูบและห้องดูดอากาศแยกออกจากกัน ซึ่งก็คือ ลมที่ถูกดูดในปั๊มลมชนิดนี้จะปราศจากน้ำมันหล่อลื่น จึงเป็นปั๊มลมที่นิยมใช้ในอุตสาหกรรมด้านอาหารและยา
- ปั๊มลมประเภทที่ 3 คือ ประเภทสกรู (Screw Air Compressor) ปั๊มลมประเภทนี้จะมีการผลิตลมที่มีคุณภาพสูง โดนใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นต้นกำลังในการหมุนเพลาสกรู 2 ตัวให้หมุนเข้าหากันทำให้เกิดแรงอัดอากาศขึ้นมา ปั๊มลมประเภทนี้เลยมีปริมาณลมที่สม่ำเสมอกว่าแบบลูกสูบ โดยจะเป็นที่นิยมในโรงอุตสาหกรรมทั่วไป
- ปั๊มลมประเภทที่ 4 คือ ประเภทใบพัดเลื่อน ( SLIDING VANE ROTARY COMPRESSOR ) ปั๊มลมประเภทนี้จะทำการหมุนใบพัดให้สม่ำเสมออยู่ตลอดเวลา ทำให้อากาศที่ออกมามีแรงดันที่คงที่ อยู่ที่ 4-10 บาร์ จึงเหมาะกับโรงงานอุตสาหกรรมที่ต้องการแรงดันลมที่สม่ำเสมอและคงที่
และปั๊มลมประเภทที่ 5 ประเภทสุดท้าย คือ ประเภทใบพัดหมุน ( ROOTS AIR COMPRESSOR ) ปั๊มลมประเภทนี้จะมีใบพัดหมุนอยู่ 2 ตัว เมื่อโรเตอร์ 2 ตัวทำการหมุน จะทำให้เกิดลมที่ถูกดูดเข้าไปจากฝั่งหนึ่งไปยังอีกฝั่งหนึ่ง โดยที่อากาศที่ถูกดูดเข้าไปนั้นจะไม่เปลี่ยนปริมาตร จะทำให้อากาศไม่ถูกบีบอัดตัว แต่อากาศจะถูกบีบอัดตัวตอนที่เข้าไปเก็บในถังลม ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการระบายความร้อนด้วยนั่นเอง
และหากใครคิดว่าปั๊มลมต้องหาซื้อยากแน่ๆ บอกเลยว่าคุณคิดผิด เพราะเพียงแค่คุณเข้าไปในแอพพลิเคชั่นของ LAZADA เพียงเท่านี้ คุณก็จะได้ปั๊มลมมาไว้ใช้ที่บ้านแล้วล่ะ แถมราคาก็ดี๊ดีอีกด้วยนะ